ประสบการณ์แรกกับการประชุมผ่าน DingTalk

เมื่อคุณเปิดเข้าสู่การประชุมบน DingTalk เป็นครั้งแรก มันเหมือนกับคุณหลงไปในช่วงซ้อมละครตลกที่ไม่ได้นัดหมาย คุณคลิก “เข้าร่วมการประชุม” ด้วยความมั่นใจ แต่ภาพกลับค้างอยู่ที่ข้อความ “กำลังเชื่อมต่อ” นานถึงสามสิบวินาที เหมือนระบบกำลังท่องคาถาให้คุณเงียบๆ ว่า “ใจเย็น ใจเย็น และใจเย็นอีกครั้ง”

เมื่อเข้าไปได้ในที่สุด คุณกลับพบว่าผมของคุณยุ่งเหยิงจากที่นอนมาเมื่อคืน และยังสวมเสื้อยืดที่เขียนว่า “ฉันคือหอยทากที่ยุ่งที่สุดในจักรวาล” ขณะที่หน้าของเพื่อนร่วมงานกลับเบลอจนเหมือนถูกปิดบังด้วยมาสก์ ที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือ เมื่อคุณพูดออกไป ทั้งห้องกลับเงียบกริบ—เพราะไมโครโฟนของคุณยังไม่ได้เปิด แต่คุณพูดไปแล้วสองนาทีเต็มๆ ด้วยถ้อยคำประมาณว่า “เป้าหมายไตรมาสสามนี้ ฉันคิดว่าเราสามารถลุยต่อได้อีก เพราะแนวโน้มตลาด… อะ? พวกคุณได้ยินที่ฉันพูดไหม?”

บางคนมีเสียงสว่านเจาะพื้นลอยมาเป็นเสียงพื้นหลัง บางคนเสียงเปลี่ยนเป็นเสียงเป็ดดอนัลด์ หรือบางคนหน้าจอก็ขึ้นข้อความว่า “คุณปิดการถ่ายทอดวิดีโอแล้ว” วนไปมา เหมือนกำลังแสดงละครเวทีไซเบอร์เรียลลิสต์

แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ ช่วงเวลาที่ผิดจังหวะเหล่านี้ กลับทำให้การประชุมลดความตึงเครียดลง และเพิ่มความเป็นมนุษย์เข้ามา เมื่อทุกคนหัวเราะพูดว่า “เมื่อกี้เราได้ยินแค่คุณร้องคาราโอเกะ” บรรยากาศการรายงานที่ตึงมือก็ละลายหายไป ที่จริงแล้ว สิ่งที่ดูไม่เกี่ยวกัน ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่มันคือความเข้าใจที่แปลกใหม่รูปแบบหนึ่ง—คือการหาจังหวะในความวุ่นวาย และการเชื่อมต่อผ่านมุกตลกแม้จะหลุดสาย

ความประหลาดใจที่ไม่คาดคิดในการประชุม

สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในการประชุมผ่าน DingTalk มักไม่ใช่เนื้อหาการรายงาน แต่เป็น “ถ่ายทอดสด” ที่ไม่มีใครคาดคิด ก่อนหน้านี้เพิ่งพูดถึงรายได้ไตรมาสสาม ทันใดนั้นแมวตัวหนึ่งก็พุ่งผ่านหน้าจอจากด้านขวา ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มแหยๆ ของเจ้าของที่พูดว่า “เมื่อกี้คือซีอีโอของเรา” เด็กร้อง “หนูอยากกินไก่กรอบ!” สุนัขเห่าประกอบการนำเสนองาน หรือคู่สมรสตะโกนจากพื้นหลังว่า “เธออีกแล้ว ใส่เสื้อเชิ้ตของฉันอีกแล้ว!” — ช่วงเวลาเหล่านี้ที่ดูไม่เกี่ยวกันเลย กลับเหมือนฉากในละครตลกที่ทำลายจังหวะ แต่ก็ทำให้การประชุมที่เย็นชาอบอุ่นขึ้นด้วยมนุษยธรรม เคยมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งกำลังวิเคราะห์แนวโน้มตลาดอย่างจริงจัง ทันใดนั้นเสียงจากลูกเขาที่เป่าแตรเล่นเพลง “Twinkle Twinkle Little Star” ในแบบเวอร์ชันดัดแปลง ก็ลอยมาทางพื้นหลัง แต่เขากลับไม่หยุด กลับพูดต่อว่า “นี่แหละคือความผันผวนของตลาดที่เราต้องเผชิญ” ทั้งทีมหัวเราะจนต้องปิดไมโครโฟน การเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหล่านี้ ไม่ได้ทดสอบแค่ความเสถียรของอินเทอร์เน็ต แต่ยังทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองทันทีและความสามารถในการยอมรับความแตกต่าง แทนที่จะรีบปิดบัง ลองยอมรับอย่างเปิดเผยว่า “ผู้ถือหุ้นตัวน้อยของผมเพิ่งแสดงความเห็นครับ” ความเป็นมืออาชีพไม่ได้หมายถึงสภาพแวดล้อมที่ปราศจากเชื้อ ความขบขันต่างหากที่เป็นตัวหล่อลื่นให้การประชุมทางไกล เมื่อมีสัตว์เลี้ยงโผล่มา หรือเด็กแย่งโฟกัส อย่ามองว่าเป็นการรบกวน แต่ให้ถือว่าเป็นเครื่องทดสอบความเข้าใจในทีม แล้วใครจะไปต้านทานหนูแฮมสเตอร์ตัวน้อยที่สวมหูฟังจิ๋ว แล้วโผล่หน้ามาพูดว่า “ฉันเห็นด้วย” ได้ล่ะ?

เทคนิคการสื่อสารแบบ “ไม่เกี่ยวกัน”

ในการประชุมผ่าน DingTalk “สิ่งที่ดูไม่เกี่ยวกัน” ไม่ใช่แค่เรื่องปกติ แต่แทบจะกลายเป็นพิธีกรรมประจำวัน เมื่อเสียงของคุณติดขัดจนเหมือนหุ่นยนต์อ่านบท หรือรูปโปรไฟล์ของเพื่อนร่วมงานทันใดนั้นกลายเป็นแมว แทนที่จะรีบแก้สถานการณ์ ลองเรียนรู้ศิลปะการสื่อสารที่ “วุ่นวายแต่มีระเบียบ” ขั้นแรก เมื่อเกิดปัญหาทางเทคนิค อย่าอธิบายยาวสามนาที แค่พูดว่า “ดูเหมือนวิญญาณฉันจะหลุดออกชั่วคราว” ก็ทำให้คนยิ้มได้มากกว่าการพูดว่า “เน็ตฉันไม่เสถียร” ความนิ่งไม่ใช่ความเงียบ แต่คือการใช้ความขบขันเป็นเบาะรองรับ ขั้นที่สอง เมื่อการประชุมกลายเป็น “คุณพูดเรื่องเทคโนโลยี ฉันพูดเรื่องจิตวิญญาณ” อย่าฝืนหาเหตุผล ลองพูดว่า “แนวคิดนี้มีจิตวิญญาณแบบโพสต์มอดิร์นมาก ลองชัดเจนกันก่อนดีกว่าว่าคืนนี้ใครต้องทำงานล่วงเวลา” การเปลี่ยนหัวข้ออย่างเนียนๆ ขั้นที่สาม เมื่อความอึดอัดลอยเข้ามาเหมือนลมเย็น ลองพูดว่า “เมื่อกี้ขอข้ามไปนะ ระบบกำลังอัปเดตอยู่” เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ จำไว้ว่า การประชุมบน DingTalk ไม่ใช่การไต่สวนในศาล ไม่จำเป็นต้องพูดอย่างเคร่งครัดทุกประโยค บางครั้งแค่พูดว่า “ที่ฉันพูดเมื่อกี้ ถือว่าเป็น AI พูดแทนนะ” ก็ช่วยให้อากาศเบาบางลงได้ เทคนิคเหล่านี้ไม่ได้สอนให้หลีกเลี่ยงปัญหา แต่เพื่อเปลี่ยนความวุ่นวายให้เป็นตัวช่วยในการสื่อสาร เมื่อทุกคนหัวเราะออกมาแล้ว ใครจะไปสนว่าเมื่อกี้ใครพูดอะไรกันแน่? ความเป็นมืออาชีพที่แท้จริง คือการสามารถปรับจูนให้เกิดความกลมกลืนแม้อยู่ท่ามกลางความผิดจังหวะ

จากความวุ่นวายสู่ความคิดสร้างสรรค์

ในการประชุมผ่าน DingTalk เมื่อทุกคนกำลังพูดคุยอย่างจริงจังเรื่องกลยุทธ์การดำเนินงานไตรมาสสาม ทันใดนั้นใครบางคนก็พูดขึ้นมาว่า “พวกคุณเคยคิดไหม ที่จริงแล้วเพนกวินต่างหากที่เหมาะกับการทำงานทางไกลที่สุด?” ฟังดูแล้วดูไม่เกี่ยวกัน แต่เดี๋ยวก่อน—คำพูดที่ดูไร้สาระนี้ กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ทีมระดมความคิดเรื่อง “วิธีการทำงานแบบขั้วโลก” จำลองสภาพแวดล้อมขั้วโลกใต้ โดยทุกๆ สี่ชั่วโมง ทุกคนจะกระโดดลงถังน้ำแข็งเพื่อฟื้นความจดจ่อ (แน่นอนว่าสุดท้ายไม่ได้ทำจริง แต่ทุกคนหัวเราะจนน้ำตาเล็ด) นี่แหละคือเวทมนตร์ของความวุ่นวาย: มันไม่เดินตามสคริปต์ แต่กลับสามารถทิ้งไพ่เด็ดได้ ไอเดียที่เปลี่ยนเกมจำนวนมาก ไม่ได้ถือกำเนิดจากการเขียนวาดบนไวท์บอร์ด แต่เกิดขึ้นเมื่อมีคนนำเสียงแมวขี้เซาที่ครางเหมือน ASMR มาแบ่งปัน จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ จุดสำคัญคือ คุณสามารถเปลี่ยน “การหลุดหัวข้อ” ให้กลายเป็นกระดานกระโดดทางความคิดสร้างสรรค์ได้หรือไม่? เมื่อการประชุมเริ่มวุ่นวาย อย่ารีบดึงกลับมาที่เส้นทางเดิม ลองถามว่า “ภายใต้ความไร้สาระนี้ ซ่อนความต้องการที่เราละเลยอยู่หรือเปล่า?” มีทีมหนึ่งเคยพูดซ้ำประโยคเดิมเพราะความล่าช้าของเครือข่าย แต่กลับเกิดแสงวาบในใจร่วมกัน จนพัฒนาฟีเจอร์ “บันทึกเสียงแบบซิงค์ล่าช้า” ขึ้นมา ความวุ่นวายไม่ใช่ศัตรู แต่คือแผนที่ขุมทรัพย์ ครั้งหน้าเมื่อการประชุมเริ่มเพี้ยนไปไกล อย่ากดปิดไมโครโฟน ลองกระโดดตามลงไปในโพรงกระต่าย—ข้างในนั้นอาจมีบ้านขนมหวานแห่งแรงบันดาลใจที่คุณตามหามาตลอด

สร้างวัฒนธรรมการประชุมที่มีความสุข

ในการประชุมผ่าน DingTalk บางครั้งหัวข้อสนทนาเหมือนว่าวที่ขาดเชือก บินไปไกลจนแม้แต่ระบบนำทางยังตามไม่ทัน—เมื่อครู่ยังพูดถึงเป้าหมายรายไตรมาส แต่ทันใดนั้นก็มีคนเสนอจัดการแข่งขันแต่งตัวแฟนตาซีในสำนักงาน อย่ารีบกดปิดเสียง เพราะช่วงเวลา “ไม่เกี่ยวกัน” เหล่านี้ มักเป็นช่วงเวลาที่วิญญาณของทีมออกมาโลดแล่น วิธีทำให้ความวุ่นวายนี้ไม่กลายเป็นภัยพิบัติ แต่กลายเป็นสิ่งที่เลี้ยงดูทีม คือวัฒนธรรม—วัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้คนพูดได้ พูดแล้วหัวเราะได้ และกล้าแชร์คลิปแมวเต้นบนโต๊ะทำงาน จัด “เซสชันแบ่งปันสิ่งไร้ประโยชน์” ห้านาทีเป็นประจำ ให้เพื่อนร่วมงานเล่าเรื่องสปาเก็ตตี้ที่ทำไหม้เมื่อคืน หรือหนูแฮมสเตอร์ที่แอบกินคุกกี้ ชิ้นส่วนเล็กๆ เหล่านี้ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกับงาน ที่จริงแล้วคืออิฐก่อสร้างแห่งความไว้วางใจ เมื่อทุกคนชินกับการแสดงด้าน “ไม่เป็นมืออาชีพ” ผ่านกล้อง ห้องประชุมก็จะไม่ใช่ห้องสอบสวนอีกต่อไป แต่กลายเป็นโรงเรือนแห่งความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้ใช้สติกเกอร์น่ารักๆ บน DingTalk เพื่อตอบสนองต่อความเห็น การส่งสติกเกอร์แพนด้าเต้น อาจมีพลังมากกว่าคำพูด “ฉันเห็นด้วย” สิบประโยค ที่สำคัญกว่านั้น ผู้นำต้องเป็นคนแรกที่กระโดดลงจากแท่น ล้อเลียนตัวเองที่เมื่อสัปดาห์ก่อนอ่านชื่อลูกค้าผิด เมื่อผู้มีอำนาจกล้าขำตัวเอง กลุ่มคนที่เงียบอยู่ก็จะกล้าพูดออกมา ทีมไม่ใช่เครื่องจักร ไม่จำเป็นต้องให้สกรูทุกตัวขันได้แน่นเป๊ะ บางครั้งขันเอียงๆ หน่อย กลับทำให้หมุนไปในทิศทางใหม่ ปล่อยให้การประชุมมีช่องว่างให้หายใจ ให้เสียงหัวเราะเป็นสมาชิกประจำ—แบบนี้ แม้หัวข้อจะบินไปถึงดาวอังคาร ทุกคนก็จะร่วมกันขึ้นยานไปตามด้วยกัน

DomTech เป็นผู้ให้บริการอย่างเป็นทางการของ DingTalk ในฮ่องกง โดยมีหน้าที่ให้บริการ DingTalk แก่ลูกค้าจำนวนมาก หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานแพลตฟอร์ม DingTalk สามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าออนไลน์ของเราได้โดยตรง หรือติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ (852)4443-3144 หรืออีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. เรามีทีมงานพัฒนาและดูแลระบบระดับมืออาชีพ พร้อมประสบการณ์การให้บริการในตลาดที่หลากหลาย สามารถมอบโซลูชันและบริการ DingTalk ที่เชี่ยวชาญให้กับคุณได้!